สรุปผลการประชุมวาระกลุ่มแผนงาน การเงิน และการบริหาร
(Programme, Financial and Administrative Section: PFA)
ในการประชุมคณะประศาสน์การ สมัยที่ ๓๔๐ (การประชุมทางไกลผ่านจอภาพ)
ระหว่างวันที่ ๒-๑๔ พฤศจิกายน ๒๕๖๓
๑. แผนกลยุทธของ ILO พ.ศ. ๒๕๖๕-๒๕๖๘
ที่มา
ที่ประชุม GB สมัยที่ ๓๒๐ (มีนาคม ๒๕๕๗) มีมติให้จัดทำแผนกลยุทธระดับกลางของ ILO โดยให้มีรอบการปฏิบัติที่สอดคล้องกับแผนของสหประชาชาติ โดยแผนกลยุทธฉบับแรกซึ่งรับรองโดยที่ประชุม GB สมัยที่ ๓๒๘ (ตุลาคม ๒๕๕๙) มีระยะดำเนินการในช่วง พ.ศ. ๒๕๖๑-๒๕๖๔ สำนักงานแรงงานระหว่างประเทศจึงเสนอแผนกลยุทธ เพื่อเตรียมดำเนินการอย่างต่อเนื่อง ในช่วง พ.ศ. ๒๕๖๕-๒๕๖๘
ข้อเสนอเพื่อพิจารณา
แผนงานกลยุทธของ ILO พ.ศ. ๒๕๖๕-๒๕๖๘ ที่นำเสนอต่อที่ประชุมครั้งนี้ ยังคงให้ความสำคัญกับความยุติธรรมทางสังคม และวัตถุประสงค์หลัก ๔ ประการของวาระงานที่มีคุณค่า (การมีงานทำ การคุ้มครองทางสังคม ไตรภาคีและการเจรจาทางสังคม และมาตรฐานและหลักการและสิทฺธิขั้นพื้นฐานในการทำงาน) เช่นเดียวกับฉบับแรก โดยเพิ่มเติมประเด็นผลกระทบของโควิด-๑๙ ที่มีต่อโลกแห่งการทำงาน ดังนี้
แผนกลยุทธของ ILO พ.ศ. ๒๕๖๕-๒๕๖๘: นโยบาย
– การพิจารณาประเด็นการเปลี่ยนแปลงในโลกแห่งการทำงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการทำงานตาม “ฐานวิถีชีวิตใหม่” ที่เกิดขึ้นเพื่อรับมือกับการระบาดของโควิด-๑๙
– การพิจารณาถึงความจำเป็นในการไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง เพื่อยึดมั่นในหลักการแห่งความยุติธรรมทางสังคม และให้ความสนใจกับกลุ่มเปราะบางและกลุ่มด้อยโอกาสในโลกแห่งการทำงาน โดยการเปลี่ยนงานในภาคนอกระบบให้เป็นงานในระบบ การส่งเสริมความเท่าเทียมทางเพศในการทำงาน การคุ้มครองและเพิ่มศักยภาพให้กับกลุ่มด้อยโอกาส และให้ความคุ้มครองอย่างทั่วถึงในงานต่าง ๆ ที่มีความหลากหลายทางรูปแบบการจ้างงาน
– การพิจารณาถึงข้อบกพร่องด้านการให้ความคุ้มครองทางสังคมที่เกิดขึ้นทั่วโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผู้ที่ทำงานในภาคนอกระบบ ซึ่งมีจำนวนมากกว่าครึ่งที่ไม่ได้รับการคุ้มครองทางสังคมใด ๆ เลย
– การพิจารณาถึงประเด็นความปลอดภัยและสุขภาพอนามัยในการทำงาน เนื่องจาก ILO ได้ประมาณการณ์ว่า ในแต่ละปีมีผู้เสียชีวิตเนื่องจากการทำงานประมาณ ๒.๓ ล้านคน ประกอบกับ การระบาดของโควิด-๑๙ ที่ทำให้คนทำงานมีความเสี่ยงด้านสุขภาพมากขึ้น
– การพิจารณาถึงการฟื้นตัวจากวิกฤตโควิด-๑๙ โดยให้ความสำคัญกับการสร้างหนทางแห่งการเรียนรู้ตลอดชีวิตและการเปลี่ยนแปลงรูปแบบของตลาดแรงงาน การสร้างความเจริญเติบโตอย่างยั่งยืนและทั่วถึงเพื่อให้เกิดงานที่มีคุณค่าและการมีงานทำที่มีผลิตภาพ การสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อให้เกิดการเป็นเจ้าของกิจการและวิสาหกิจที่ยั่งยืน
แผนงานเชิงกลยุทธของ ILO พ.ศ. ๒๕๖๕-๒๕๖๘: การปรับปรุงสมรรถนะขององค์กร
– การยกระดับการได้เปรียบเชิงเปรียบเทียบอย่างถาวร (Leveraging permanent comparative advantages) ในประเด็นการจัดทำมาตรฐานและระบบไตรภาคี เนื่องจากการจัดทำมาตรฐานแรงงานและการดำเนินงานในระบบไตรภาคีจำเป็นต้องใช้งบประมาณและทรัพยกรจำนวนมาก ซึ่งการวัดผลต้องพิจารณาจากคุณค่าของผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น
– การเสริมสร้างความเป็นผู้นำและการบริหารจัดการ เพื่อเพิ่มบทบาทความเป็นผู้นำของ ILO ในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับโลกแห่งการทำงาน โดยประเทศสมาชิกทุกประเทศต้องให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่กับองค์กรตั้งแต่ระดับนโยบายทางการเมืองไปจนถึงการทำกิจกรรม
– การปรับปรุงขีดความสามารถในการเป็นแหล่งความรู้ ไม่ว่าจะเป็นด้านข้อมูลเชิงสถิติ งานวิจัย การจัดการความรู้ หรือการมีความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง
– การเพิ่มความร่วมมือและการเป็นหุ้นส่วน โดยให้องค์กรระหว่างประเทศอื่น ๆ บริษัทเอกชน มูลนิธิ สถาบันทางวิชาการ องค์กรภาคประชาสังคม และกลุ่มพันธมิตรต่าง ๆ มีส่วนร่วมมากยิ่งขึ้นในการดำเนินงานตามกลยุทธต่าง ๆ ของ ILO
– การนำทรัพยากรของ ILO มาใช้อย่างเหมาะสม โดยการนำทรัพยากรมาใช้อย่างคุ้มค่าและประหยัด รวมถึงการเปิดเผยเกี่ยวกับการนำทรัพยากรขององค์กรมาใช้ เพื่อแสดงถึงความโปร่งใส
การนำแผนมาปฏิบัติและการรายงาน
การนำแผนเชิงกลยุทธฉบับนี้มาปฏิบัติจะอยู่ภายใต้แผนงานและงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕-๒๕๖๖ และ พ.ศ. ๒๕๖๗-๒๕๖๘ โดยจะทบทวนการปฏิบัติตามแผนฉบับนี้รอบกลางเทอมใน พ.ศ. ๒๕๖๗ เพื่อเตรียมการสำหรับการจัดเตรียมแผนเชิงกลยุทธของ ILO พ.ศ. ๒๕๖๙-๒๕๗๒ ต่อไป
มติที่ประชุม
คณะประศาสน์การเห็นชอบกับแผนกลยุทธของ ILO พ.ศ. ๒๕๖๕-๒๕๖๘ และให้ผู้อำนวยการใหญ่ ILO ปฏิบัติตามแผนกลยุทธ และจัดทำข้อเสนอด้านแผนงานและงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕-๒๕๖๖ ไปในทิศทางเดียวกับปฏิญญาแห่งศตวรรษ โดยคำนึงถึงแนวทางที่ได้จากการประชุมวาระนี้
๒. การทบทวนข้อเสนอแผนงานและงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕-๒๕๖๖
ที่มา
สำนักงานแรงงานระหว่างประเทศได้จัดทำข้อเสนอแผนงานและงบประมาณสำหรับ พ.ศ. ๒๕๖๕-๒๕๖๖ ในส่วนที่เป็นเป้าหมายผลลัพธ์ เพื่อให้ที่ประชุมพิจารณา
ข้อเสนอเพื่อพิจารณา
สำนักงานแรงงานระหว่างประเทศเสนอเป้าหมายผลลัพธ์เชิงนโยบาย ๘ ประการสำหรับแผนงานและงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕-๒๕๖๖ ซึ่งเป็นผลลัพธ์ที่ให้ความสำคัญกับการฟื้นฟูให้กลับมาดีกว่าเดิมพร้อมกับงานที่มีคุณค่า โดยมีคนเป็นศูนย์กลาง และคำนึงถึงผลกระทบจากโควิด-๑๙ ดังนี้
ผลลัพธ์ที่ ๑ องค์ประกอบไตรภาคีมีความเข้มแข็ง และมีการเจรจาทางสังคมที่ครอบคลุมและบังเกิดผลอันประกอบด้วยผลผลิต ๔ ประการ คือ
๑. องค์กรนายจ้างและองค์กรภาคธุรกิจมีขีดความสามารถเชิงสถาบันเพิ่มขึ้น
๒. องค์กรลูกจ้างมีขีดความสามารถเชิงสถาบันเพิ่มขึ้น
๓. หน่วยบริหารจัดการแรงงานมีขีดความสามารถเชิงสถาบันและความสามารถในการปรับตัวเพิ่มขึ้น
๔. ประเทศสมาชิกมีขีดความสามารถของด้านการปรับปรุงการเจรจาทางสังคม และการปรับปรุง สถาบัน กระบวนการ และกฎหมายแรงงานสัมพันธ์ เพิ่มขึ้น
ผลลัพธ์ที่ ๒ มาตรฐานแรงงานระหว่างประเทศ และการกำกับดูแลที่มีประสิทธิภาพและมีอำนาจบังคับอันประกอบด้วยผลผลิต ๔ ประการ คือ
๑. ประเทศสมาชิกมีขีดความสามารถในการให้สัตยาบันมาตรฐานแรงงานระหว่างประเทศเพิ่มขึ้น
๒. ประเทศสมาชิกมีขีดความสามารถในการปฏิบัติตามมาตรฐานแรงงานระหว่างประเทศเพิ่มขึ้น
๓. ประเทศสมาชิกมีขีดความสามารถในการมีส่วนร่วมกับนโยบายด้านมาตรฐานแรงงานระหว่างประเทศเพิ่มขึ้น
๔. ประเทศสมาชิกมีขีดความสามารถในการปฏิบัติตามคู่มือ ประมวลข้อปฏิบัติ และมาตรฐานแรงงานระหว่างประเทศเฉพาะด้านเพิ่มขึ้น
ผลลัพธ์ที่ ๓ การเปลี่ยนแปลงรูปแบบทางเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม เพื่อการมีงานทำโดยสมบูรณ์ ซึ่งเป็นงานที่มีผลิตภาพ และมีเสรีภาพในการเลือกงานทำ และเป็นงานที่มีคุณค่าสำหรับทุกคน อันประกอบด้วยผลผลิต ๕ ประการ คือ
๑. ประเทศสมาชิกมีขีดความสามารถในการกำหนดนโยบายแห่งชาติด้านการมีงานทำและการนำมาปฏิบัติเพื่อรับมือกับวิกฤติโควิด-๑๙ เพิ่มขึ้น
๒. ประเทศสมาชิกมีขีดความสามารถในการกำหนดนโยบายและกลยุทธและการนำมาปฏิบัติเพื่อสร้างงานที่มีคุณค่าเพิ่มขึ้น
๓. ประเทศสมาชิกมีขีดความสามารถในการกำหนดนโยบายและการนำมาปฏิบัติเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนผ่านที่เป็นธรรมด้านสังคมและเศรษฐกิจที่ยั่งยืน เพิ่มขึ้น
๔. ประเทศสมาชิกมีขีดความสามารถในการส่งเสริมสังคมที่มั่นคงและสงบสุขโดยใช้งานที่มีคุณค่า เพิ่มขึ้น
๕. ประเทศสมาชิกมีขีดความสามารถเพิ่มขึ้นในการจัดทำแผนงานด้านตลาดแรงงานและการให้บริการจัดหางาน เพื่อให้ทำงานที่มีคุณค่าตลอดชีวิต โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้เยาว์และผู้สูงอายุ
ผลลัพธ์ที่ ๔ วิสาหกิจที่มีความยั่งยืน เพื่อเป็นแหล่งสร้างงาน และแหล่งส่งเสริมนวัตกรรมและงานที่มีคุณค่า อันประกอบด้วยผลผลิต ๔ ประการ คือ
๑. ประเทศสมาชิกมีขีดความสามารถเพิ่มขึ้นในการสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเป็นเจ้าของกิจการและการเป็นวิสาหกิจที่ยั่งยืน
๒. สถานประกอบการและระบบสนับสนุนของตนเองมีขีดความสามารถที่เข้มแข็งในการเพิ่มผลิตภาพและความยั่งยืน
๓. ประเทศสมาชิกมีขีดความสามารถเพิ่มขึ้นในการกำหนดนโยบาย กฎหมาย และมาตรการต่าง ๆ เพื่อมุ่งให้เกิดการเปลี่ยนวิสาหกิจในภาคนอกระบบให้เข้าสู่ระบบ
๔. ประเทศสมาชิกและวิสาหกิจมีขีดความสามารถเพิ่มขึ้นในการกำหนดนโยบายและมาตรการต่าง ๆ เพื่อส่งเสริมแนวปฏิบัติทางธุรกิจให้สอดคล้องกับงานที่มีคุณค่าและวิธีการนำไปสู่อนาคตของงานที่มีคนเป็นศูนย์กลาง
ผลลัพธ์ที่ ๕ ทักษะฝีมือและการเรียนรู้ตลอดชีวิต เพื่อช่วยให้เข้าถึงการเปลี่ยนแปลงรูปแบบในตลาดแรงงาน อันประกอบด้วยผลผลิต ๔ ประการ คือ
๑. ประเทศสมาชิกมีขีดความสามารถเพิ่มขึ้นในการระบุถึงทักษะแรงงานซึ่งไม่สอดคล้องกับความต้องการของตลาดแรงงาน และในการคาดการณ์ถึงความต้องการทักษะแรงงานในอนาคตได้
๒. ประเทศสมาชิกมีขีดความสามารถเพิ่มขึ้นในการเสริมสร้างความเข็มแข็งด้านระบบทางการเงิน รูปแบบการบริหาร และนโยบายการเรียนรู้ตลอดชีวิตและการมีทักษะที่ครอบคลุม
๓. ประเทศสมาชิกมีขีดความสามารถเพิ่มขึ้นในการออกแบบและทำให้เกิดการฝึกงานที่มีคุณภาพ การเรียนรู้จากการทำงานอย่างรอบด้าน และการมีหนทางเลือกในการเรียนรู้ที่ครอบคลุมมีความยืดหยุ่น และมีนวัตกรรม
๔. ประเทศสมาชิกมีขีดความสามารถเพิ่มขึ้นในการส่งเสริมการเปลี่ยนรูปแบบการพัฒนาทักษะโดยใช้ดิจิทัล และในการพัฒนาทักษะทางดิจิทัล
ผลลัพธ์ที่ ๖ ความเท่าเทียมทางเพศ และการปฏิบัติและโอกาสที่เท่ากัน ในโลกแห่งการทำงาน อันประกอบ ด้วยผลผลิต ๔ ประการ คือ
๑. ประเทศสมาชิกมีขีดความสามารถเพิ่มขึ้นในการส่งเสริมการลงทุนในเศรษฐกิจที่เน้นการดูแลผู้สูงอายุหรือผู้ป่วย และการแบ่งความรับผิดชอบต่อครอบครัวอย่างสมดุล
๒. ประเทศสมาชิกมีขีดความสามารถเพิ่มขึ้นในการสร้างความเข้มแข็งให้กับนโยบายและกลยุทธต่าง ๆ เพื่อส่งเสริมการปฏิบัติการมีส่วนร่วม และการมีโอกาสอย่างเท่าเทียม ระหว่างหญิงและชาย รวมถึง การได้รับค่าตอบแทนที่เท่ากันในงานที่มีคุณค่าเท่ากัน
๓. ประเทศสมาชิกมีขีดความสามารถเพิ่มขึ้นในการกำหนดมาตรการ นโยบาย และกฎหมายด้านเพศสภาพ เพื่อโลกแห่งการทำงานที่ปราศจากความรุนแรงและการล่วงละเมิด
๔. ประเทศสมาชิกมีขีดความสามารถเพิ่มขึ้นในการสร้างความเข้มแข็งให้กับมาตรการ นโนบาย และกฎหมาย เพื่อการปฏิบัติและโอกาสที่เท่าเทียมกันในโลกแห่งการทำงานสำหรับผู้พิการ และผู้ด้อยโอกาส
ผลลัพธ์ที่ ๗ การคุ้มครองการทำงานที่มีประสิทธิภาพและเพียงพอสำหรับทุกคน อันประกอบด้วยผลผลิต ๕ ประการ คือ
๑. ประเทศสมาชิกมีขีดความสามารถเพิ่มขึ้นในการเคารพ ส่งเสริม และตระหนักถึงความสำคัญของหลักการและสิทธิขั้นพื้นฐานในการทำงาน
๒. ประเทศสมาชิกมีขีดความสามารถเพิ่มขึ้นในการทำให้มั่นใจได้ถึงสภาพการทำงานที่ปลอดภัยและมีสุขภาพอนามัยที่ดี
๓. ประเทศสมาชิกมีขีดความสามารถเพิ่มขึ้นในการกำหนดค่าจ้างที่เพียงพอ และส่งเสริมเวลาทำงานที่มีคุณค่า
๔. ประเทศสมาชิกมีขีดความสามารถเพิ่มขึ้นในการให้ความคุ้มครองที่เพียงพอแก่คนงานต่าง ๆ ที่มีสภาพการทำงานหลากหลาย รวมถึง การทำงานผ่านระบบดิจิทัล และการจ้างงานนอกระบบ
๕. ประเทศสมาชิกมีขีดความสามารถเพิ่มขึ้นในการพัฒนากรอบงาน องค์กร และบริการด้านการอพยพแรงงานที่มีประสิทธิภาพ เพื่อคุ้มครองแรงงานต่างด้าว
ผลลัพธ์ที่ ๘ การคุ้มครองทางสังคมที่ยั่งยืนและครอบคลุมทุกส่วนสำหรับทุกคน อันประกอบด้วยผลผลิต ๓ ประการ คือ
๑. ประเทศสมาชิกมีขีดความสามารถเพิ่มขึ้นในการพัฒนากรอบงานทางกฎหมาย นโยบาย และกลยุทธการคุ้มครองทางสังคมแห่งชาติที่มีความยั่งยืนแบบใหม่ เพื่อขยายความครอบคลุมและเพิ่มสิทธิประโยชน์ให้พอเพียง
๒. ประเทศสมาชิกมีขีดความสามารถเพิ่มขึ้นในการปรับปรุงการบริหารจัดการและความยั่งยืนของระบบความคุ้มครองทางสังคม
๓. ประเทศสมาชิกมีขีดความสามารถเพิ่มขึ้นในการบูรณาการนโยบายการคุ้มครองทางสังคมแบบองค์รวม เพื่อส่งเสริมและคุ้มครองคนงานและนายจ้างในช่วงที่มีการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการทำงานและการดำรงชีวิต
มติที่ประชุม
คณะประศาสน์การให้ผู้อำนวยการใหญ่ ILO จัดทำข้อเสนออื่น ๆ สำหรับแผนงานและงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕-๒๕๖๖ โดยคำนึงแนวทางต่าง ๆ ที่ได้จากการประชุม และเสนอต่อที่ประชุม GB สมัยที่ ๓๔๑ (มีนาคม ๒๕๖๔)
๓. รายงานการประเมินผลประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๒-๒๕๖๓
รายงานฉบับนี้นำเสนอถึงความคืบหน้าการดำเนินงานของสำนักประเมินผล ILO ในช่วง พ.ศ. ๒๕๖๒-๒๕๖๓ โดยรายงานแบ่งออกเป็นสองส่วน ส่วนแรกนำเสนอถึงผลการดำเนินงานของสำนักประเมินผล และส่วนที่สองเป็นผลการประเมินการทำงานของสำนักงานแรงงานระหว่างประเทศ
การนำกลยุทธการประเมินผลมาปฏิบัติ
การวัดผลความคืบหน้าในการทำงานของสำนักประเมินผลพิจารณาจากความสำเร็จตามผลลัพธ์ที่ได้จากการนำกลยุทธการประเมินมาปฏิบัติ โดยกำหนดผลลัพธ์จากการทำงานไว้ ๓ ประการ คือ
(๑) มีขีดความสามารถที่เพิ่มขึ้นและมีระบบการประเมินผลเพื่อแนวปฏิบัติที่ดีขึ้น ประกอบด้วย ๕ ผลลัพธ์ย่อย
(๒) มีการประเมินผลโดยใช้วิธีการประเมินที่มีคุณภาพสูงขึ้นและน่าเชื่อถือมากขึ้น (เป็นอิสระ น่าเชื่อถือ มีประโยชน์) ประกอบด้วย ๔ ผลลัพธ์ย่อย และ
(๓) มีฐานความรู้ที่ดีขึ้นเพื่อการประเมินผลการค้นพบและข้อแนะนำที่ได้รับ ประกอบด้วย ๔ ผลลัพธ์ย่อย
ผลการประเมินการดำเนินงาน คือ สามารถบรรลุถึงผลลัพธ์ที่ตั้งไว้ได้เป็นส่วนใหญ่ โดยมีผลลัพธ์ที่ไม่สามารถบรรลุได้ ดังนี้
ผลลัพธ์ที่ ๑ มีขีดความสามารถที่เพิ่มขึ้นและมีระบบการประเมินผลเพื่อแนวปฏิบัติที่ดีขึ้น มีผลลัพธ์ย่อยที่ไม่สามารถปฏิบัติได้ คือ
ผลลัพธ์ย่อยที่ ๑.๑ การประเมินผลกิจกรรมได้สำเร็จตามเวลาที่กำหนด และเป็นไปตามข้อกำหนดนโยบายการประเมินผล
ผลลัพธ์ย่อยที่ ๑.๒ เจ้าหน้าที่ในภูมิภาคและในแผนกต่าง ๆ มีขีดความสามารถด้านการประเมินผล
ผลลัพธ์ที่ ๒ มีการประเมินผลโดยใช้วิธีการประเมินที่มีคุณภาพสูงขึ้นและน่าเชื่อถือมากขึ้น มีผลลัพธ์ย่อยที่ไม่สามารถปฏิบัติได้ คือ
ผลลัพธ์ย่อยที่ ๒.๒ การประเมินผลภายใน การประเมินแบบรวมอำนาจไว้ที่ส่วนกลาง และการประเมินผลแบบกระจายอำนวย มีคุณภาพที่ดีขึ้น
ผลลัพธ์ย่อยที่ ๒.๓ การประเมินผลกระทบความน่าเชื่อถือ
ข้อแนะนำที่ ๑ บรรจุประเด็นสำหรับการประเมินระดับสูง ใน พ.ศ. ๒๕๖๔ และ ๒๕๖๕ เข้าไว้ในแผนงานหมุนเวียน และเลื่อนการประเมินผลการดำเนินงานรอบห้าปีโดยหน่วยงานอิสระภายนอกออกไปใน พ.ศ. ๒๕๖๕
การประเมินความมีประสิทธิภาพของ ILO
ประสิทธิภาพการทำงานในภาพรวมของ ILO อยู่ในระดับ ประสบความสำเร็จ ทั้งนี้ ระดับการวัดผลมีอยู่ ๔ ระดับ คือ (๑) ไม่ประสบผลสำเร็จ (๒) ประสบความสำเร็จบางส่วน (๓) ประสบความสำเร็จ (๔) ประสบความสำเร็จสูง
ข้อแนะนำที่ ๒ ร่วมมือกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียเพื่อพัฒนากรอบงานการประเมินกลยุทธ ILO ด้านการบรรเทาผลกระทบจากโควิด-๑๙ ที่มีต่อโลกแห่งการทำงาน
มติที่ประชุม
คณะประศาสน์การรับรองข้อแนะนำในรายงานการประเมินผล พ.ศ. ๒๕๖๒-๒๕๖๓ เพื่อให้ ILO ได้นำไปปฏิบัติ
———————————————
ฝ่ายแรงงาน
คณะผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ ณ นครเจนีวา