องค์การแรงงานระหว่างประเทศ (ILO) ชี้ แนวโน้มการจ้างงานทั่วโลกในปี 2557 รับผลกระทบปัญหาการชะลอตัวของการจ้างงานในปี 2556 รวมทั้งปัญหาจำนวนผู้ทำงานรายได้น้อย (ต่ำกว่า 1.25 เหรียญสหรัฐต่อวัน) ที่ลดลงอย่างน่าพอใจตลอดช่วง 10 ปีที่ผ่านมา จาก 600 ล้านคนในปี 2543 เหลือ 375 ล้านคนในปี 2556 เฉลี่ยลดลงร้อยละ 12 ต่อปี กลับชะลอตัวเหลือเพียงร้อยละ 2.7 ในปี 2556 ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อกลุ่มแรงงานที่มีความอ่อนไหว ดังนั้น โลกต้องเร่งการสร้างงานที่มีความมั่นคง ในขณะเดียวกัน ต้องนำพากลุ่มที่ไม่มีความมั่นคงในการทำงานออกจากสภาพที่เป็นอยู่ และให้มีรายได้เพียงพอที่จะหลุดพ้นจากความยากจน ซึ่งจะเป็นแนวทางนำไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืนตามเป้าหมายขององค์การสหประชาชาติ
จากรายงาน Global Employment Trend 2014 ของ ILO ชี้ให้เห็นว่า จำนวนผู้ว่างงานในปี 2556 เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า 5 ล้านคน ทำให้ยอดผู้ว่างงานทั่วโลกมีประมาณ 202 ล้านคน แสดงถึงเศรษฐกิจโลกยังไม่เข้าสู่ภาวะปกติ ทำให้อัตราการจ้างงานขยายตัวไม่สอดคล้องกับการเพิ่มขึ้นของกำลังแรงงาน รายงานคาดว่าจากนี้ไปอีก 5 ปีข้างหน้า จะมีตำแหน่งงานใหม่รองรับประมาณ 40 ล้านตำแหน่งต่อปีซึ่งน้อยกว่าความต้องการทำงานของผู้หางานจำนวน 42.6 ล้านคนต่อปี ผู้หางานต้องใช้เวลานานกว่าปกติก่อนได้งานหรือกลายเป็นกลุ่มว่างงานระยะยาว ผู้หางานประมาณ 23 ล้านคนกลายเป็นกลุ่มหมดหวังและเลิกหางาน (discourage jobseekers) และประมาณ 7 ล้านคนกลายเป็นกลุ่มที่เลิกทำงานและออกจากตลาดแรงงาน ซึ่งคาดว่าในปี 2561 อัตราผู้ว่างงานทั่วโลกอาจถึง 215 ล้านคน และการว่างงานในกลุ่มเยาวชนจะยังคงเป็นปัญหาสำคัญในหลายประเทศต่อไปเนื่องจากรายงานพบว่า ในปี 2556 มีแรงงานกลุ่มนี้ที่อายุระหว่าง 15 – 24 ปี ว่างงานถึง 74.5 ล้านคน โดยสูงกว่าการว่างงานในผู้ใหญ่ถึงสามเท่า ซึ่งปัญหาสำคัญที่ทำให้ตลาดแรงงานไม่พัฒนาเทียบเท่าก่อนวิกฤติเศรษฐกิจเมื่อปี 2551 คือ 1) ปริมาณการเข้าสู่ตลาดแรงงานของแรงงานกลุ่มต่าง ๆ ไม่สมดุลย์ในแต่ละภูมิภาคทำให้มีปัญหาด้านอุปสงค์และอุปทาน 2) แรงงานกลุ่มไม่มีความมั่นคงในการทำงานขยายตัวโดยมีจำนวนถึงร้อยละ 48 ของการจ้างงานรวม 3) ผู้ทำงานรายได้น้อย ซึ่งมีจำนวนลดลงอย่างมากจากปี 2543 มีการชะลอตัวอย่างรุนแรงในปี 2556 และ 4) จำนวนแรงงานในภาคนอกระบบที่มีถึงร้อยละ 20 ของการจ้างงานรวมยังคงมีแนวโน้มขยายตัวทั่วโลกโดยเฉพาะประเทศกำลังพัฒนา