Skip to main content

หน้าหลัก

สรุปผลรายงานการประชุมคณะประศาสน์การ สมัยที่ ๓๔๑ วาระกลุ่มการพัฒนานโยบาย (Policy Development Section: POL) ระหว่างวันที่ ๑๕ – ๒๗ มีนาคม ๒๕๖๔

สรุปผลรายงานการประชุมคณะประศาสน์การ สมัยที่ ๓๔๑

วาระกลุ่มการพัฒนานโยบาย (Policy Development Section: POL)

ระหว่างวันที่ ๑๕ – ๒๗ มีนาคม ๒๕๖๔

๑.   การติดตามผลการดำเนินกลยุทธด้านสิทธิของคนพื้นเมืองเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืนและครอบคลุมทุกส่วน รวมถึงการปฏิบัติขององค์คณะต่าง ๆ ในสหประชาชาติและองค์กรระดับภูมิภาค ตามแผนเชิงกลยุทธที่เกี่ยวข้องกับอนุสัญญาฉบับที่ ๑๖๙ ว่าด้วยชนพื้นเมืองและชนเผ่า ค.ศ. ๑๙๘๙

ความเป็นมา

                   ในปี พ.ศ. ๒๕๕๘ GB ได้รับรองกลยุทธเสริมสร้างแผนปฏิบัติของ ILO ด้านชนพื้นเมืองและชนเผ่า โดยกลยุทธนี้ให้ความสำคัญกับ (ก) การลดช่องว่างด้านการมีความรู้และการได้รับข้อมูลข่าวสาร  (ข) การส่งเสริมการปฏิบัติตามอนุสัญญาฉบับที่ ๑๖๙ (ค) การเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับการมีส่วนร่วม    การปรึกษาหารือ และการเจรจาเชิงสถาบัน (ง) หลักการว่าด้วยสิทธิขั้นพื้นฐานในการทำงาน สภาพการทำงาน และความเป็นอยู่ (จ) ผู้หญิงชนพื้นเมืองและชนเผ่า (ฉ) การขยายขอบเขตความคุ้มครองทางสังคม และ (ช) ความเป็นหุ้นส่วน ซึ่งที่ประชุม GB เมื่อเดือนตุลาคม ๒๕๖๑ ได้มอบหมายเพิ่มเติมให้ ILO ร่วมทำงานกับหน่วยงานอื่น ๆ ของ UN และองค์กรระดับภูมิภาคต่าง ๆ ในการปฏิบัติตามกลยุทธนี้

ประเด็นนำเสนอ

การลดช่องว่างด้านการมีความรู้และการได้รับข้อมูลข่าวสาร

                   ชนพื้นเมืองและชนเผ่ามีจำนวนประมาณ ๔๗๖ ล้านคนทั่วโลก โดยมีจำนวนมากที่สุดในภูมิภาคละตินอเมริกาและคาริบเบียน ร้อยละ ๘๖.๓ ของชนพื้นเมืองและชนเผ่าทำงานในภาคเศรษฐกิจนอกระบบ มีสภาพการทำงานที่เลวร้าย และยากจน ร้อยละ ๔๗ ของคนงานที่เป็นชนพื้นเมืองและชนเผ่าไม่ได้รับการศึกษา ในการจะบรรลุตามเป้าประสงค์นี้ได้จำเป็นต้องมีการปรับปรุงวิธีการรวบรวมข้อมูลที่เชื่อถือได้ โดยมีการจำแนกเพศและกลุ่มชนเผ่า

การส่งเสริมการปฏิบัติตามอนุสัญญาฉบับที่ ๑๖๙

                   ในช่วงปี พ.ศ. ๒๕๖๒ สำนักงานแรงงานระหว่างประเทศดำเนินกิจกรรมจำนวนมากเพื่อส่งเสริมให้เกิดการรับรู้ การให้สัตยาบัน และการปฏิบัติตามอนุสัญญาฉบับที่ ๑๖๙ โดยมีกิจกรรมที่สำคัญ คือ การจัดกิจกรรมส่งเสริมสำหรับผู้บริหารระดับสูงในช่วงการประชุม UN Permanent Forum on Indigenous Issues การจัดการเจรจาระดับโลกเกี่ยวกับอุปสรรคในการให้สัตยาบันอนุสัญญาฉบับที่ ๑๙๘ การสนับสนุนประเทศที่ให้สัตยาบันอนุสัญญาฉบับที่ ๑๖๙ จัดกิจกรรมในเดือนมีนาคมเนื่องในวันครบรอบ ๓๐ ปีแห่งการรับรองอนุสัญญา การจัดทำเอกสารเพื่อสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับอนุสัญญา และการจัดทำคู่มือประกอบการปฏิบัติตามอนุสัญญาสำหรับผู้พิพากษาและนักกฎหมาย รวมถึง การเตรียมจัดอบรมระหว่างภูมิภาคขึ้นใน ปี พ.ศ. ๒๕๖๓ แต่ถูกระงับไปเนื่องจากวิกฤติโควิด-๑๙ และคาดว่าจะสามารถจัดการอบรมนี้ได้ในปี พ.ศ. ๒๕๖๔

การเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับการมีส่วนร่วม การปรึกษาหารือ และการเจรจาเชิงสถาบัน

                   ความยากลำบากในการดำเนินงานด้านนี้ คือ ไม่มีผู้แทนที่แท้จริงของชนพื้นเมืองหรือชนเผ่าในการมีส่วนร่วม การปรึกษาหารือ และการเจรจาเชิงสถาบัน กับภาครัฐและหุ้นส่วนทางสังคมอื่น ๆ ILO จึงร่วมทำงานกับ Office of the UN Resident Coordinator และเข้าร่วมในโครงการเพื่อการพัฒนาของ UN เพื่อส่งเสริมให้ผู้แทนที่แท้จริงของชนพื้นเมืองและชนเผ่ามีส่วนร่วมในการกำหนดนโยบายของรัฐ นอกจากนั้น ยังได้ร่วมกับ OECD และ UNHCR จัดทำโครงการแนวปฏิบัติความรับผิดชอบของภาคธุรกิจในภูมิภาคละตินอเมริกาและคาริบเบียน

หลักการว่าด้วยสิทธิขั้นพื้นฐานในการทำงาน สภาพการทำงาน และความเป็นอยู่

                   ร้อยละ ๕๕ ของคนงานที่เป็นชนพื้นเมืองหรือชนเผ่าทำงานในภาคเกษตรกรรม ซึ่งเป็นภาคการทำงานที่ไม่มีระบบการตรวจแรงงานที่เพียงพอ และร้อยละ ๗๓ อยู่ในพื้นที่ที่ดำเนินการตรวจแรงงานได้ยากลำบาก จึงจำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากกลุ่มเครือข่ายแรงงาน สหภาพแรงงาน และองค์กรอื่น ๆ ของชนพื้นเมืองหรือชนเผ่าในการเฝ้าระวังการละเมิดสิทธิแรงงาน ในการนี้ ILO ร่วมกับองค์การความร่วมมือระหว่างประเทศของสวีเดน และองค์การความร่วมมือระหว่างประเทศของสเปน ได้เข้าส่งเสริมเรื่องงานที่มีคุณค่าสำหรับผู้หญิงชนพื้นเมืองหรือชนเผ่าในประเทศบังกลาเทศ กัวเตมาลา และโบลิเวีย นอกจากนั้น ยังมีความร่วมมือกับประเทศบราซิล ฟิลิปปินส์ และปาปัวนิวกินี ในการส่งเสริมสิทธิของชนพื้นเมืองหรือชนเผ่า รวมถึงการจัดทำโครงการ ILO’s Bridge Project โดยได้การสนับสนุนทางการเงินจากสหรัฐฯ เพื่อต่อต้านแรงงานบังคับในกลุ่มชนพื้นเมืองหรือชนเผ่า

ผู้หญิงชนพื้นเมืองและชนเผ่า

                   ILO ร่วมกับองค์การความร่วมมือระหว่างประเทศของสวีเดนได้ทำการวิจัยเรื่องการมีส่วนร่วมในการตัดสินใจของผู้หญิงชนพื้นเมืองหรือชนเผ่า นอกจากนั้น ILO ยังเข้าส่งเสริมเรื่องการจัดตั้งสหกรณ์ให้กับผู้หญิงชนพื้นเมืองหรือชนเผ่าที่เป็นเจ้าของกิจการในประเทศกัวเตมาลา และส่งเสริมความรู้เรื่องการจัดการด้านการเงินให้กับผู้หญิงชนพื้นเมืองหรือชนเผ่าในอาร์เจนตินา

การขยายขอบเขตความคุ้มครองทางสังคม

                   ILO ทำการวิจัยเรื่องช่องว่างในการเข้าถึงความคุ้มครองทางสังคมของชนพื้นเมืองหรือชนเผ่า โดยได้พบว่ามีปัจจัยสำคัญจำนวนมากที่ทำให้ชนพื้นเมืองหรือชนเผ่าไม่ได้รับความคุ้มครองทางสังคมและบริการอื่น ๆ จากภาครัฐ เช่น การไม่มีบัตรประจำตัว ความแตกต่างด้านวัฒนธรรม การไม่สามารถสื่อสารภาษากับภาครัฐ ฯลฯ ซึ่งแตกต่างกันไปในแต่ละชนพื้นเมืองหรือชนเผ่า ซึ่งการดำเนินงานขั้นต่อไป คือ การหาหนทางในการขจัดปัจจัยอุปสรรคและขยายความคุ้มครองทางสังคมให้ทั่วถึง

 

ความเป็นหุ้นส่วน

                   ILO ได้เข้าร่วมเป็นหุ้นส่วนการดำเนินงานด้านสิทธิแรงงานของชนพื้นเมืองหรือชนเผ่ากับหน่วยงานต่าง ๆ ภายใน UN และองค์กรระดับภูมิภาค โดยมีตัวอย่างผลสำเร็จสำคัญของการดำเนินงาน คือ เมื่อเดือนพฤศจิกายน ๒๕๖๓ UN Chief Executives Board for Coordination ได้ออกประกาศ Call to Action โดยได้บรรจุหลักการของอนุสัญญา ๑๖๙ ในประกาศฉบับนี้ด้วย หรือ Inter-Agency Support Group on Indigenous Issue ได้นำประเด็นการคุ้มครองทางสังคมบรรจุไว้ในคู่มือเรื่อง ชนพื้นเมืองและโควิด-๑๙

การดำเนินต่อไป

                   ILO จะดำเนินงานเกี่ยวกับชนพื้นเมืองหรือชนเผ่าต่อไปเพื่อให้บรรลุผลตามเป้าประสงค์    กลยุทธฉบับนี้ โดยจะมุ่งให้ความสำคัญกับ การเสริมสร้างขีดความสามารถในระดับประเทศ การออกแบบกรอบงานเพื่อให้เกิดการพัฒนาที่ยั่งยืนและครอบคลุมทุกส่วน การส่งเสริมการปรึกษาหารือตามหลักการของอนุสัญญา ๑๖๙ การส่งเสริมหลักการและสิทธิขั้นพื้นฐานในการทำงานอย่างทั่วถึง การส่งเสริมกิจกรรมทางเศรษฐกิจของชุมชน การส่งเสริมการมีส่วนร่วมทางเศรษฐกิจของผู้หญิงชนพื้นเมืองหรือชนเผ่า การส่งเสริมการเข้าถึงแหล่งความรู้และการคุ้มครองทางสังคม การจัดอบรมระหว่างภูมิภาคและการเจรจาระดับโลกเรื่องอนุสัญญาฉบับที่ ๑๖๙ และการร่วมทำงานต่อไปกับองค์กรอื่น ๆ ภายใต้ UN

มติที่ประชุม

คณะประศาสน์การ

(ก) ให้คำแนะนำแก่สำนักงานแรงงานระหว่างประเทศเรื่อง การดำเนินงานต่อไปเพื่อนำกลยุทธฉบับนี้มาปฏิบัติด้านชนพื้นเมืองและชนเผ่า  

(ข) มอบผู้อำนวยการใหญ่ ILO ดำเนินการที่เกี่ยวข้องตามแผนงานและงบประมาณประจำปี และจัดหาแหล่งงบประมาณพิเศษเพื่อการดำเนินงานตามกลยุทธ โดยคำนึงถึงแนวทางที่ได้จากการประชุมครั้งนี้

๒. งานที่มีคุณค่าและการมีผลิตภาพ

ความเป็นมา

                   การเสนอรายงานเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของงานที่มีคุณค่าและการมีผลิตภาพต่อที่ประชุม GB เป็นส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อนแผนงานและงบประมาณ ให้เกิดผลลัพธ์ที่ ๔ วิสาหกิจที่มีความยั่งยืน เพื่อเป็นแหล่งสร้างงาน และแหล่งส่งเสริมนวัตกรรมและงานที่มีคุณค่า

ประเด็นนำเสนอ

ปฏิญญาแห่งศตวรรษและการมีผลิตภาพ

                   หลักการของปฏิญญาแห่งศตวรรษของ ILO ช่วยให้เกิดผลิตภาพได้ การเจรจาทางสังคมจะเป็นปัจจัยสำคัญที่นำมาซึ่งการมีผลิตภาพที่เพิ่มมากขึ้น โดยต้องส่งเสริมให้สถานประกอบการมีความยั่งยืนและแบ่งปันผลกำไรให้คนงานอย่างเป็นธรรม กระบวนการและวัตถุประสงค์ตามที่ระบุไว้ในปฏิญญาเป็นแนวทางที่ทำให้เกิดวงจรที่ผลักดันกันระหว่างการมีผลิตภาพเพิ่มขึ้นและงานที่มีคุณค่า

การมีผลิตภาพที่เพิ่มขึ้นและการแบ่งปันผลประโยชน์

                   ILO ให้ความสำคัญกับประเด็นการมีผลิตภาพที่เพิ่มขึ้นมาอย่างยาวนาน โดยมีจุดเริ่มต้นตั้งแต่การมุ่งให้เกิดการฟื้นตัวจากภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ (Great Depression) ใน พ.ศ. ๒๔๘๐ โดยในครั้งนั้น ILO มุ่งเน้นส่งเสริมการมีผลิตภาพที่เพิ่มขึ้นพร้อมกับการมีความยุติธรรมทางสังคม และล่าสุดนี้ ILO มุ่งเน้นการส่งเสริมการมีผลิตภาพโดยการสร้างงานที่มีคุณค่าตามที่ปรากฏในหลักการของปฏิญญาแห่งศตวรรษของ ILO ซึ่งให้ความสำคัญกับการมีผลิตภาพที่เพิ่มขึ้นควบคู่ไปกับการแบ่งปันผลกำไรคืนสู่คนงานอย่างเหมาะสม

ก้าวต่อไปในศตวรรษที่สองของ ILO

                   การทำให้หลักการของปฏิญญาแห่งศตวรรษของ ILO บังเกิดผลในความเป็นจริงได้นั้น ก่อนอื่นต้องทำให้สถานประกอบการมีความยั่งยืนและแบ่งปันผลประโยชน์ที่ได้จากการมีผลิตภาพสูงขึ้นให้กับคนทำงาน ในช่วง ๒๐ ปีที่ผ่านมา การมีผลิตภาพแรงงานลดลงในหลายประเทศไม่เว้นแม้แต่ในประเทศรายได้สูงหรือประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ (major emerging economy) แต่ในบางประเทศ เช่น จีน อินเดีย และบางประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กลับมีผลิตภาพแรงงานที่สูงขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งสัมพันธ์กับการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในประเทศเหล่านี้ กลุ่มประเทศที่มีผลิตภาพแรงงานเพิ่มขึ้นมีตำแหน่งงานจำนวนมากสำหรับแรงงานมีฝีมือระดับสูง และมีตำแหน่งงานภาคบริการที่ไม่ต้องใช้ทักษะมากสำหรับแรงงานที่มีทักษะฝีมือต่ำ เช่น งานบริการในภาคการขนส่ง ภาคที่พักอาศัย หรือการจัดหาอาหาร เป็นต้น นวัตกรรมทางเทคโนโลยีและการเปลี่ยนแปลงด้านสภาพภูมิอากาศและจำนวนประชากรโลก ตลอดจน วิกฤตโควิด-๑๙ ที่เกิดขึ้นเป็นเวลายาวนานทำให้เกิดความไม่เท่าเทียมทางรายได้ในหลายประเทศ ซึ่งจำเป็นต้องมีนโยบายด้านการพัฒนาสถาน-ประกอบการและการยกระดับทักษะฝีมือขึ้นมารองรับ โดยมีประเด็นท้าทาย คือ การกำหนดนโยบายเชิงนวัตกรรมเพื่อบรรเทาความเสียหายทางเศรษฐกิจควบคู่ไปกับการคุ้มครองสุขภาพประชาชน

                   ในการก้าวสู่ศตวรรษที่สองนี้ ILO จะดำเนินงานโดยคำนึงถึงการสร้างวงจรแห่งความรุ่งเรือง (virtuous cycle) ระหว่างการมีผลิตภาพและการมีงานทำอย่างมีคุณภาพ ซึ่งจำเป็นต้องกำหนดกรอบงานเชิงนโยบายแบบบูรณาการ โดยทุกฝ่ายต้องยอมรับร่วมกันว่า จะไม่มีการเลือกให้สถานประกอบการอยู่รอด โดยแลกกับ (trade-off) การสูญเสียงานที่มีคุณค่า

การสร้างยุคใหม่แห่งการเจริญเติบโตทางผลิตภาพและการเปลี่ยนแปลงรูปแบบอย่างเป็นธรรม

                   การแข่งขันที่สูงขึ้นและการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การเปลี่ยนมาใช้ระบบดิจิทัล คือ ปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดการเจริญเติบโตทางผลิตภาพ และเป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดช่องว่างด้าน     การพัฒนาด้วยเช่นกัน เนื่องจากการเข้าถึงเทคโนโลยีดิจิทัลยังไม่ทั่วถึง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถาน-ประกอบการขนาดย่อม เล็ก และกลาง (MSMEs) หรือในประเทศรายได้ต่ำ หลายประเทศเปลี่ยนแปลงโครงสร้างเศรษฐกิจที่มุ่งเน้นภาคอุตสาหกรรมเป็นหลัก โดยไม่มีตำแหน่งงานที่มีคุณภาพเพื่อรองรับคนที่ออกจากภาคเกษตรกรรมในชนบท หรือไม่สามารถพัฒนาคนกลุ่มนี้ให้มีทักษะฝีมือพอที่จะทำงานในภาคอุตสาหกรรมได้ คนกลุ่มนี้จึงต้องทำงานที่มีผลิตภาพต่ำในภาคบริการนอกระบบ สิ่งที่จำเป็นต่อการเปลี่ยนแปลงรูปแบบอย่างเป็นธรรมเพื่อสร้างผลิตภาพของกิจการในภาคนอกระบบและต่อการเปลี่ยนกิจการในภาคนอกระบบให้เป็นภาคในระบบ คือ การทำให้กิจการเหล่านี้ได้รับการสนับสนุนทางการเงินจากธนาคารเพื่อการพัฒนาหรือมีโอกาศยืมเงินจากแหล่งเงินกู้ของรัฐบาล การพัฒนาทักษะของคนงานและเจ้าของกิจการ ระบบการเสียภาษีที่เป็นธรรมและไม่ซับซ้อน การมีนโยบายต่อต้านการทุจริต และบรรยากาศการทำธุรกิจเชิงสร้างสรรค์ที่มีความมั่นคง

แนวทางด้านระบบนิเวศที่ก่อให้เกิดการมีผลิตภาพที่ยั่งยืนและเข้มแข็งเพื่องานที่มีคุณค่า

                   ILO เสนอแนวคิดการสร้างระบบนิเวศของการมีผลิตภาพ (productivity ecosystem) เพื่อนำมาซึ่งการมีผลิตภาพที่ยั่งยืนและเข้มแข็งเพื่องานที่มีคุณค่า ซึ่งมีโครงสร้าง ๓ ระดับ คือ

  • ระดับมหภาค ประกอบด้วย นโยบายการมีงานทำ การคุ้มครองทางสังคม ธรรมาภิบาล การเงิน หลักนิติ-ธรรม นโยบายสิ่งแวดล้อม สาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน นโยบายเศรษฐกิจมหภาค กฎหมายและข้อบังคับ ความเป็นผู้ประกอบการ นโยบายการค้า ความยุติธรรมทางสังคม สิทธิมนุษยชน ค่านิยมทางสังคมและวัฒนธรรม สันติภาพและความมั่นคง เทคโนโลยี การศึกษาและการเรียนรู้ตลอดชีวิต การแข่งขันที่เป็นธรรม และการเจรจาทางสังคม
  • ระดับกลาง ประกอบด้วย ความเท่าเทียมทางเพศ ทักษะฝีมือ การทำตลาด งานเชิงส่งเสริม การวิจัยและพัฒนา มาตรฐานต่าง ๆ เครือข่ายทางธุรกิจ และการเจรจาทางสังคม
  • ระดับจุลภาค ประกอบด้วย แนวปฏิบัติด้านการบริหารจัดการ ขั้นตอนการทำธุรกิจ ความปลอดภัยและสุขภาพอนามัยในการทำงาน สภาพการทำงาน การแบ่งปันผลกำไร และการเจรจาทางสังคม

มติที่ประชุม

คณะประศาสน์การมอบให้สำนักงานแรงงานระหว่างประเทศดำเนินงานตามแผนงานของ ILO และติดตามผลปฏิญญาแห่งศตวรรษเพื่ออนาคตของงานต่อไป โดยคำนึงถึงแนวทางซึ่งได้จากการอภิปรายเรื่อง งานที่มีคุณค่าและการมีผลิตภาพ ในการประชุม GB สมัยที่ ๓๔๑ (เดือนมีนาคม ๒๕๖๑)

๓. กลยุทธความร่วมมือเพื่อการพัฒนาของ ILO ในช่วงปี พ.ศ. ๒๕๖๓-๒๕๖๘: แผนการปฏิบัติ

ความเป็นมา

                   ที่ประชุม GB สมัยที่ ๓๔๐ (เดือนพฤศจิกายน ๒๕๖๓) มีมติรับรองกลยุทธความร่วมมือเพื่อการพัฒนา พ.ศ. ๒๕๖๓-๒๕๖๘ และมอบให้สำนักงานแรงงานระหว่างประเทศจัดทำแผนการปฏิบัติตามกลยุทธความร่วมมือฉบับนี้ เสนอให้ที่ประชุมครั้งนี้ได้พิจารณาและรับรอง

ประเด็นเพื่อพิจารณา  

                   กลยุทธความร่วมมือเพื่อการพัฒนาของ ILO พ.ศ. ๒๕๖๓-๒๕๖๘ ประกอบด้วยเนื้อหา ๔ ส่วน โดยสำนักงานฯ เสนอให้แต่ละส่วนมีแผนการปฏิบัติ ดังนี้  

ส่วนที่ ๑ การให้บริการสมาชิกทั้งสามฝ่ายของ ILO

๑.๑   ให้บริการด้านความร่วมมือเพื่อการพัฒนา โดยให้สอดคล้องกับความจำเป็นด้านการพัฒนาขีดความสามารถของสมาชิกทั้งสามฝ่ายของ ILO ตามลำดับความสำคัญและสอดคล้องกับแผนพัฒนาขีดความสามารถเชิงสถาบัน

๑.๒   เสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับสมาชิกทั้งสามฝ่ายของ ILO เพื่อให้สามารถดำเนินการตามแผนชาติด้านงานที่มีคุณค่า และสามารถจัดโครงการและแผนงานความร่วมมือเพื่อการพัฒนา ได้ด้วยตนเอง

๑.๓   ส่งเสริมให้สมาชิกทั้งสามฝ่ายของ ILO มีส่วนร่วมในแผนงานและความเป็นหุ้นส่วนในระดับประเทศของสหประชาชาติ

๑.๔   ส่งเสริมและขยายการพัฒนาขีดความสามารถและการแลกเปลี่ยนด้านการสื่อสารข้อมูลระหว่างสมาชิกทั้งสามฝ่ายของ ILO กับหุ้นส่วนอื่น ๆ ในรูปแบบของความร่วมมือระหว่างประเทศกำลังพัฒนาด้วยกัน และความร่วมมือสามฝ่ายกับประเทศกำลังพัฒนา (South-South and triangular cooperation)    

ส่วนที่ ๒ ความเป็นหุ้นส่วนเพื่อความยึดโยงทางนโยบายที่ไปในทิศทางเดียวกัน

๒.๒   ส่งเสริมให้มีการได้ผลประโยชน์เชิงเปรียบเทียบ (Comparative Advantage) และวาระงานที่มีคุณค่า ให้กับเครือข่าย พันธมิตร หุ้นส่วน และผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ในระดับสากล ร่วมถึงหน่วยงานภายใต้สหประชาชาติในระดับประเทศ ภูมิภาค และสากล

๒.๒  ทำงานร่วมกันให้มากขึ้นกับสถาบันการเงินระหว่างประเทศ ธนาคารเพื่อการพัฒนาในระดับภูมิภาค เพื่อให้สามารถหาความช่วยเหลือด้านการเงินในระดับประเทศสำหรับดำเนินนโยบายด้านงานที่มีคุณค่าได้

๒.๓   พัฒนาขีดความสามารถของสมาชิกทั้งสามฝ่ายของ ILO และส่งเสริมความเป็นหุ้นส่วนของ ILO ในการริเริ่มหาความช่วยเหลือทางการเงินหรือกำหนดกรอบงานด้านการหาเงินทุน เพื่อนำมาใช้ในการส่งเสริมงานที่มีคุณค่า

๒.๔   ทำงานร่วมกันให้มากขึ้นกับภาคเอกชนและองค์กรนอกภาครัฐอื่น ๆ (เช่น NGOs หรือมหาวิทยาลัย) เพื่อยกระดับขีดความสามารถ ความรู้ และความเชี่ยวชาญ ในการดำเนินงานให้บรรลุวัตถุประสงค์ของงานที่มีคุณค่า

ส่วนที่ ๓ ความเป็นหุ้นส่วนด้านการจัดหาเงินทุน

๓.๑   เสริมสร้างการบูรณาการความร่วมมือเพื่อการพัฒนาของ ILO เข้าเป็นส่วนหนึ่งในการดำเนินงานตามแผนงานประจำปีงบประมาณของ ILO โดยการจัดสรรทรัพยากรจากส่วนที่กันไว้สำหรับดำเนินงานให้ได้ผลลัพธ์เชิงนโยบายตามที่กำหนด

๓.๒   ขยายแหล่งทุนที่ให้ความช่วยเหลือด้านการเงินแบบไม่กำหนดวัตถุประสงค์การใช้เงิน

๓.๓   ขยายขอบเขตของแหล่งทุนและหุ้นส่วนด้านการจัดหาเงินทุนให้มีความหลากหลายมากขึ้น         

ส่วนที่ ๔ ความมีประสิทธิภาพ ผลลัพธ์ด้านงานที่มีคุณค่า และความโปร่งใส

๔.๑   เสริมสร้างการบริหารจัดการองค์กร โดยการตรวจติดตามและการจัดทำรายงานการใช้ทรัพยากรและผลลัพธ์จากการใช้ทรัพยากรดังกล่าว          

๔.๒   ปรับปรุงผลการดำเนินงานและการให้บริการต่าง ๆ ของ ILO ในทุกส่วน รวมถึง สำนักงานใหญ่ เจ้าหน้าที่ภาคสนาม และศูนย์ฝึกอบรม ณ เมืองตูริน

มติที่ประชุม

คณะประศาสน์การรับรองแผนการปฏิบัติตามที่เสนอในเอกสาร GB.341/POL/4 และมอบให้ผู้อำนวยการใหญ่ ILO ดำเนินการตามแผนดังกล่าว โดยคำนึงถึงแนวทางซึ่งที่ประชุมได้ให้ไว้

๔. กิจกรรมเชิงส่งเสริมเกี่ยวกับปฏิญญาไตรภาคีว่าด้วยหลักการด้านวิสาหกิจข้ามชาติและนโยบายทางสังคม และการพัฒนาอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องนอก ILO

ความเป็นมา

                   ที่ประชุม GB สมัยที่ ๓๓๗ (เดือนตุลาคม-พฤศจิกายน ๒๕๖๒) ได้ให้แนวทางการดำเนินกิจกรรมเชิงส่งเสริมเพื่อให้ประเทศสมาชิก หุ้นส่วนทางสังคม และวิสาหกิจต่าง ๆ ยอมรับในปฏิญญาไตรภาคีว่าด้วยหลักการด้านวิสาหกิจข้ามชาติและนโยบายทางสังคม (the Tripartite Declaration of Principles concerning Multinational Enterprises and Social Policy: MNE Declaration) และเสนอแนะว่า ILO ควรส่งเสริมประเด็นภาคธุรกิจและงานที่มีคุณค่าให้เกิดการยอมรับในองค์กรระหว่างประเทศต่าง ๆ

 ประเด็นรายงาน

                   สำนักงานแรงงานระหว่างประเทศรายงานผลการดำเนินงานด้านกิจกรรมเชิงส่งเสริมเกี่ยวกับ MNE Declaration ต่อที่ประชุมเพื่อพิจารณาให้คำแนะนำสำหรับการดำเนินงานต่อไป ดังนี้

กิจกรรมส่งเสริม MNE Declaration ในกลุ่มรัฐบาล หุ้นส่วนทางสังคม และวิสาหกิจ

  • จัดทำ MNE Declaration web portal ซึ่งเป็นศูนย์รวมข้อมูลข่าวสารที่เกี่ยวข้องจากแหล่งต่าง ๆ ตลอดจน เป็นช่องทางในการเผยแพร่ความรู้และแนวทางในการดำเนินกิจกรรมของ ILO โดยจัดทำเป็น ๑๗ ภาษา รวมถึงภาษาไทย
  • การจัดอบรมหลักสูตรที่เกี่ยวข้องกับ MNE Declaration โดยศูนย์ฝึกอบรม ณ เมืองตูริน
  • การจัดอบรมเพื่อกระตุ้นการรับรู้เกี่ยวข้องกับ MNE Declaration ในระดับประเทศให้กับเจ้าหน้าที่ภาครัฐ ผู้แทนจากองค์กรของนายจ้างและของคนงาน และวิสาหกิจต่าง ๆ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ ความร่วมมือเพื่อการพัฒนาในภูมิภาคแอฟริกา เอเชีย ยุโรป และละตินอเมริกา
  • การสร้างความเป็นหุ้นส่วนด้านการจัดอบรมเพื่อกระตุ้นการรับรู้เกี่ยวกับ MNE Declaration ระหว่างสำนักงานแรงงานระหว่างประเทศ และองค์กรอื่น ๆ ภายนอกสหประชาชาติ
  • การจัดประชุมทางเทคนิคที่เกี่ยวกับ MNE Declaration

การติดตามผลในระดับภูมิภาค

  • การจัดทำรายงานระดับภูมิภาคเรื่องการส่งเสริมการปฏิบัติตาม MNE Declaration ในแอฟริกา เพื่อใช้ประกอบการประชุมภูมิภาคแอฟริกา ครั้งที่ ๑๔ เมื่อเดือนธันวาคม ๒๕๖๒
  • การออกแบบสอบถามเกี่ยวกับ MNE Declaration ในภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก เพื่อรวบรวมข้อมูลมาจัดทำเป็นรายงานระดับภูมิภาคเรื่องการส่งเสริมการปฏิบัติตาม MNE Declaration ในเอเชียและแปซิฟิก สำหรับใช้ประกอบการประชุมภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก ครั้งที่ ๑๗ ซึ่งจะได้หาช่วงเวลาที่เหมาะสมเพื่อจัดการประชุมต่อไป
  • การเตรียมการเพื่อจัดการประชุมภูมิภาคยุโรป ครั้งที่ ๑๑ โดยมีวาระเกี่ยวกับ MNE Declaration รวมอยู่ด้วย

การส่งเสริมในระดับประเทศ รวมถึง การแต่งตั้งผู้ประสานงานระดับประเทศโดยไตรภาคี

  • การให้ความช่วยเหลือเพื่อส่งเสริม MNE Declaration ในระดับประเทศแก่ประเทศสมาชิกต่าง ๆ ตามที่ร้องขอ
  • การสนับสนุนให้ประเทศสมาชิกแต่งตั้งผู้ประสานงานระดับประเทศเพื่อเป็นศูนย์กลางในการส่งเสริม MNE Declaration ให้กับภาคส่วนต่าง ๆ ภายในประเทศ
  • การส่งเสริมการเจรจาเกี่ยวกับการปฏิบัติตาม MNE Declaration ระหว่างประเทศเจ้าของวิสาหกิจและประเทศที่ตั้งของวิสาหกิจ
  • การส่งเสริมการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ด้านการปฏิบัติตาม MNE Declaration ระหว่างประเทศสมาชิกต่าง ๆ

การให้ความช่วยเหลือระดับประเทศ รวมถึง การจัดทำความร่วมมือเพื่อการพัฒนา

  • การจัดทำโครงความร่วมมือกับประเทศในกลุ่มละตินอเมริกาและคาริบเบียน เพื่อส่งเสริม MNE Declaration และเพื่อรับมือกับวิกฤตโควิด-๑๙
  • การจัดทำโครงการความร่วมมือกับประเทศในเอเชีย เพื่อส่งเสริมความรับผิดชอบของกิจการที่เป็นห่วงโซ่อุปทาน ตามหลักการของ MNE Declaration โดยโครงการความร่วมมือที่มีกับประเทศไทยมุ่งเน้นกิจการชิ้นส่วนรถยนต์และการเกษตร
  • การทำกิจกรรมเสริมสร้างขีดความสามารถและกระตุ้นความตระหนักรู้ ภายใต้โครงการงานที่มีคุณค่าและวิสาหกิจ ในประเทศกลุ่มแอฟริกา ซึ่งเป็นกิจกรรมที่ได้รับการสนับสนุนทางการเงินจากฝรั่งเศส

ILO Helpdesk for Business

                   ILO Helpdesk for Business เริ่มให้บริการตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕๕๒ โดยมุ่งเน้นการให้ข้อมูลและคำแนะนำตามที่มีผู้ร้องขอ โดยได้ตอบคำถามและให้คำแนะนำเฉลี่ย ๑๒๐ ครั้งต่อปี และมีการเผยแพร่บริการข้อมูลข่าวสารและเอกสารวิชาการอื่น ๆ เป็นภาษาอังกฤษ ฝรั่งเศส และสเปน ขณะนี้อยู่ระหว่างการจัดทำเป็นภาษาจีน ญี่ปุ่น เวียดนาม และไทย โดยมีผู้เข้าใช้บริการทางอินเตอร์เน็ตกว่า ๘๗๐,๐๐๐ คน  

เครื่องมือสำหรับวิสาหกิจ

                   ILO ได้จัดทำแนวปฏิบัติและคู่มือการอบรมด้านมาตรฐานแรงงานในกิจการที่เป็นห่วงโซ่อุปทานโลก ร่วมถึง การจัดหลักสูตร E-learning โดยจัดทำเป็นภาษาจีน อังกฤษ เมียนมา ไทย และเวียดนาม และยังได้จัดทำคู่มือ Empowering Women at Work ภายใต้โครงการ WE Empower ซึ่งเป็นโครงการร่วมระหว่างสหภาพยุโรป ILO และโครงการ UN Women

การเจรจาระหว่างสหภาพและบริษัท

                   สำนักงานแรงงานระหว่างประเทศได้ให้แนวทางที่เป็นกลางสำหรับการเจรจาการเจรจาระหว่างสหภาพและบริษัทให้บรรลุผล และมีการใช้ช่องทาง ILO Helpdesk of Business เพื่อส่งเสริมการเจรจาระหว่างสหภาพและบริษัท

การร่วมมือด้านการพัฒนานอกขอบเขต ILO

                   ILO มีส่วนในการส่งเสริมความรับผิดชอบของภาคธุรกิจและสิทธิมนุษยชน ร่วมกับองค์กรต่าง ๆ ภายใต้สหประชาชาติ และ OECD เช่น การมีส่วนร่วมในการประชุมระดับสูงต่าง ๆ ของสหประชาชาติ การ่วมจัดทำแผนปฏิบัติการต่าง ๆ ของสหประชาชาติ และ OECD เป็นต้น

แนวทางต่อไปในการส่งเสริม MNE Declaration

                   สำนักงานแรงงานระหว่างประเทศจะค้นหาหนทางต่าง ๆ ในการเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับการเนินงานต่าง ๆ ที่มีกับองค์กรระดับภูมิภาค และหาหนทางในการร่วมทำงานกับองค์กรระดับภูมิภาคอื่น ๆ เพิ่มเติม เพื่อส่งเสริมการรับรู้เกี่ยวกับ MNE Declaration

มติที่ประชุม

คณะประศาสน์การมอบให้ผู้อำนวยการใหญ่ ILO ค้นหาทางเลือกอื่น ๆ เพิ่มเติมเพื่อสร้างความเข้มแข็งยิ่งขึ้นให้กับปฏิญญาไตรภาคีว่าด้วย หลักการด้านวิสาหกิจข้ามชาติและนโยบายทางสังคม และการนำไปปฏิบัติโดยประเทศสมาชิก องค์กรระหว่างประเทศ และองค์กรระดับภูมิภาค และวิสาหกิจต่าง ๆ โดยคำนึงถึงแนวทางที่ได้จากการประชุมครั้งนี้ และให้รายงานความคืบหน้าเกี่ยวกับกิจกรรมเชิงส่งเสริมต่อที่ประชุม GB ที่จะมีขึ้นในอนาคต

————————————————–

TOP