Skip to main content

หน้าหลัก

ILO เสนอผลสำรวจสภาพการทำงานของแรงงานประมงทะเลของไทย

ILO เสนอผลสำรวจสภาพการทำงานของแรงงานประมงทะเลของไทย

 

 

2 กันยายน 2556 องค์การแรงงานระหว่างประเทศ (ILO) นำเสนอผลการสำรวจสภาพการทำงานในภาคประมงทะเลของไทย ซึ่งเป็นผลงานวิชาการที่ ILO ร่วมกับศูนย์วิจัยการย้ายถิ่นแห่งเอเชีย (Asian Research Center on Migration) สถาบันเอเชียศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย  ดำเนินการสำรวจแรงงานประมง 596 คน ในพื้นที่ 4 จังหวัดคือ ระนอง ระยอง สมุทรสาคร และสงขลา ระหว่างเดือนพฤษภาคม ถึง กันยายน 2555

 

ผลการสำรวจปรากฏว่า แรงงานประมงส่วนใหญ่ทำงานโดยสมัครใจ มีร้อยละ 5.4 หรือ 32 คนถูกหลอกลวงหรือถูกบังคับโดยกลุ่มนี้เป็นพวกทำการประมงระยะไกล ทั้งนี้ แรงงานถูกหลอกจาก 3 ช่องทางคือนายหน้าประเทศต้นทาง นายหน้าในประเทศไทยและจากสมาชิกในครอบครัวหรือญาติ

 

 

ในกลุ่มไม่สมัครใจ มีการข่มขู่จากนายจ้างทั้งเรื่องเงินค่าจ้างและการทำร้ายร่างกายทำให้ไม่สามารถออกจากงานได้ โดยการบีบบังคับมีความรุนแรงขึ้นหากเป็นแรงงานที่ออกทะเลมากกว่า 1 เดือน นอกจากนี้ พบมีแรงงานเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปีจำนวน 7 คนซึ่งขัดกับกฎหมายในประเทศและอนุสัญญาระหว่างประเทศ

ต้นตอของปัญหาต่าง ๆ มาจากการไม่มีสัญญาจ้างเป็นลายลักษณ์อักษรซึ่งมีถึงร้อยละ 94 สถานภาพทางกฎหมายของแรงงานซึ่งมักเป็นแรงงานต่างชาติผิดกฎหมายทำให้ขาดการต่อรอง กลุ่มแรงงานขาดการรวมตัวเพื่อมีตัวแทนในการเจรจาต่อรอง และเจ้าหน้าที่รัฐตรวจสอบและให้ความคุ้มครองไม่ทั่วถึง

ได้มีความพยายามดำเนินการกับปัญหาโดยรัฐบาลไทย อาทิ การแก้ไขกฎกระทรวงแรงงาน ฯ ว่าด้วยการทำงานในภาคประมงทะเล การจัดตั้งศูนย์ประสานงานแรงงานประมงทะเล การปรับปรุงมาตรการคุ้มครองที่เข้มแข็งในการจัดหางานและการจ้างงาน อย่างไรก็ดี ระดับปัญหาที่แท้จริงยังต้องการการหาหลักฐานเชิงประจักษ์ให้มากยิ่งขึ้นเพื่อการแก้ปัญหาของทุกฝ่าย

 

 

รายงานดังกล่าว  ไม่ช่วยมากนักในการปรับเปลี่ยนภาพเชิงลบต่ออุตสาหกรรมด้านนี้ของไทย แม้ว่าสิ่งที่นำเสนอสะท้อนจากแรงงานประมงส่วนน้อยที่เป็นกลุ่มตัวอย่าง แต่ในประเทศพัฒนาแล้วกรณีต่าง ๆ ดังกล่าวไม่ได้รับการยอมรับให้เกิดไม่ว่าจะมากหรือน้อย

เมื่อ 20 สิงหาคม 2556 ที่ผ่านมา  อนุสัญญาว่าด้วยแรงงานทางทะเล ค.ศ. 2006 ของ ILO เริ่มมีผลใช้บังคับกับประเทศสมาชิกทั้งที่ให้สัตยาบันและยังไม่ให้สัตยาบัน ส่งผลให้หลายหน่วยงานของไทยทั้งรัฐและเอกชนเร่งกระบวนการปรับปรุงข้อกฎหมายเพื่อให้สอดคล้องกับอนุสัญญาดังกล่าว เนื่องจากเรือที่ชักธงชาติไทย (flag state) อาจถูกกักหรือไม่ได้รับอนุญาตให้ปฏิบัติภารกิจหากประเทศเจ้าของท่าเรือ (port state) ตรวจพบว่ามีสภาพการทำงานบนเรือที่ผิดจากอนุสัญญาดังกล่าว

 

 

ดังนั้น จึงเป็นความหวังว่า ความร่วมมือของหน่วยงานรัฐที่กำกับดูแล องค์กรเจ้าของเรือ องค์กรตัวแทนคนประจำเรือ ในการปรับปรุงสภาพการทำงานบนเรือประมงทะเลที่ครอบคลุมหลายด้านภายใต้อนุสัญญา ฯ  จะสามารถกู้ภาพลักษณ์เชิงลบของธุรกิจประมงทะเลของไทยได้ในระดับหนึ่ง

 

 

 

 

ฝ่ายแรงงาน คณะผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ นครเจนีวา

2 กันยายน 2556

ไฟล์แนบ:


9045
TOP